วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

การทำ Blog

วิธีการสร้าง Blog 1


1. ขั้นตอนแรกเราต้องทำการสมัครสมาชิกของ Gmail ก่อน

1.1 เข้าไปที่ http://www.google.com/ คลิกที่ Gmail แล้วคลิกที่สร้างบัญชี





1.2 จากนั้ทำการกรอกรายละเอียดที่มีให้ครบ




1.3 เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วคลิกที่ยอมรับก็ถือเป็นการเสร็จสิ้น






2. วิธีการสร้าง Blog



2.1 เข้าไปที่ http://www.blogger.com/จะแสดงหน้าจอแบบนี้ ให้คลิกที่ สร้างเว็บบล๊อกของท่านเดี๋ยวนี้ ดังรูป




2.2 เมื่อท่านคลิกนี้ จะปรากฎดังรูปด้านล่าง







2.3 ให้ใส่รายละเอียดดังรูป-ที่อยู่อีเมล : (จากที่ท่านได้สมัคร Gmail มาแล้วก่อนหน้านี้)-Enter Password : (ใส่รหัสผ่าน)-พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้ง-Displya name (ตั้งชื่อที่จะให้แสดงตอนโพสเว็บบล็อก)-พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้องจากนั้นให้ตั้งชื่อ เว็บบล็อกของท่าน-คลิกที่ตรวจสอบ เพื่อตรวจเช็คดูว่า มีใครใช้ชื่อนี้ไปหรือยัง ถ้ามีแล้วระบบจะแจ้งเตือนว่าใช้ไม่ได้ และจะมีตัวเลือกให้เราโดยอัตโนมัต ถ้าชอบใจตัวไหน ก็คลิกที่ชื่อด้านล่างตัวนั้นได้ แต่ถ้าต้องการชื่ออื่นอีกก็ตรวจสอบจนกว่าจะได้ชื่อที่คุณพอใจ เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป

2.4 จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการสามารถคลิกเพื่อดูตัวอย่างแม่แบบได้



2.5 เมื่อได้แม่แบบตามที่เราชอบแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป จะได้แบบรูปด้านล่าง







ต่อไปกดเริ่มต้นการส่งบทความทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า Google AdSense ยังไม่รองรับเว็บไซต์ภาษาไทย แต่ในอนาคตคาดว่า ทาง Google AdSense จะยอมรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ดังนั้น ควรนำเว็บบล็อกที่มีเนื้อหาภาษาอังกฤษมาทำการสมัครให้ผ่านก่อน โดยไปหาเนื้อหาภาษาอังกฤษ ได้ที่นี่ โดยคุณควรจะเลือกทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
http://en.wikipedia.org/wiki/Main_page
http://www.goarticles.com/
http://www.contentmart.com/
http://www.superfeature.com/
http://www.freshcontent.net/



2.6 จะปรากฏหน้าจอดังรูปข้างต้น ซึ่งหากท่านเคยใช้ โปรแกรม word มาก่อน ก็สามารถนำทักษะนั้นมาเพื่อสร้างข้อมูลต่างๆ ได้ทั้งลูกเล่น, ขนาด, และสีสันของตัวอักษร




2.7 เมื่อเพิ่มบทความแล้วเราอาจจะใส่รูภาพประกอบก็ได้ เมื่อเพิ่มบทความแล้วควรตั้งชื่อเรื่อง แล้วคลิกที่บันทึกแล้วก็เผยแพร่บทความ


3 การเพิ่มรูปภาพ

3.1 สำหรับท่านที่ต้องการใส่ภาพประกอบนั้น ให้คลิกที่ปุ่มรูปภาพขนาดเล็ก

3.2 จะปรากฏ Pop-up box ขึ้นมา ให้ท่านคลิกที่ Browse เพื่อเรียกไฟล์ภาพที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่ต้องการ (ขนาดของภาพไม่ควรใหญ่เกิน 100K ) ท่านสามารถกำหนดตำแหน่งการวางภาพได้ ทั้ง ซ้าย, กึ่งกลาง, ขวา และขนาดรูปภาพที่ต้องการแสดงได้ว่า ต้องการ (ขนาดเล็ก, ปานกลาง หรือใหญ่) โดยใช้เม้าส์คลิกที่หน้าปุ่มที่ต้องการ

3.3 ภาพที่ต้องการก็จะปรากฏขึ้นมาให้เลือก

3.4 ในขั้นตอนนี้ให้ท่านจะเห็นชื่อไฟล์ภาพที่ต้องการมาเก็บไว้ใน Browse เรียบร้อยแล้วให้ท่าน ติ๊กที่ กล่องเล็กๆ หน้าข้อความว่า “ข้าพเจ้ายอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ” จากนั้น จึงคลิกที่ ปุ่ม อัพโหลดรูปภาพ

3.5 ระบบจะทำการอัพโหลดรูปภาพ

3.6 เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ท่านคลิกที่ปุ่ม เสร็จเรียบร้อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนในการเพิ่มรูปภาพเข้าไปในเว็บไซต์ของท่าน

3.7 เมื่อตรวจสอบตำแหน่งภาพ และข้อความต่างๆ ถูกต้องแล้ว ให้ท่าน เลือกที่จะ คลิก “เผยแพร่บทความ” จะปรากฏบนหน้าเว็บไซต์ และคนที่เข้ามาเว็บไซต์ของท่านจะพบเห็นข้อมูลเหล่านี้ หรือเลือกที่จะ “บันทึกทันที” ในความหมายนี้ ข้อมูลทั้งหมดจะยังไม่ปรากฏให้บุคคลภายนอกเห็น จนกว่าท่านจะกลับมาคลิกที่ “เผยแพร่บทความ”

3.8 . เมื่อท่านคลิก “เผยแพร่บทความ” แล้ว ในหน้าเว็บจะปรากฏจอข้างต้น หากท่านต้องการดูบล็อก ให้คลิกตรงคำว่า “ดูบล็อก” แต่หากต้องการแก้ไขข้อมูล ให้เลือกคลิก “แก้ไขบทความ” หรือต้องการจะเพิ่มข้อมูลอื่นในเว็บไซต์ ก็ให้คลิกคำว่า “สร้างบทความใหม่”


3.9 หน้าเว็บไซต์ที่จัดทำจะปรากฏขึ้น นอกจากนั้น เว็บนี้ยังสามารถปรับแต่งรูปแบบต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม เช่น เพิ่มลิงค์, เพิ่มวิดีโอ หรือสไลด์รูปแบบต่างๆ ได้อย่างมากมาย ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและลองทดสอบด้วยตนเอง



























วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น

http://www.blogger.com/'http://th.upload.sanook.com/A0/78dfc0cdf7f4d199a90e02d6fd02e147'

ภูเขาไฟฟูจิ

http://ul.to/87dgth

ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น

http://ul.to/87dgth4i08hby2umv55l21mbsi46to92

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=73756

รู้จัก “ไข้หวัดหมู” มฤตยูสายพันธุ์ล่าสุด!
ภาย หลังข่าวที่มีรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และปอ ดบวมในประเทศเม็กซิโก ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2552 และทวีความรุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา จนมีผู้ป่วยรวม 854 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 59 ราย ซึ่งจากการเก็บตัวอย่างผู้ป่วยรวม 50 ราย ส่งตรวจพบว่า 17 ราย เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ที่ต้องตกตะลึง คือ เชื้อมฤตยูนี้เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ของคน โดยมีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหมูผสมอยู่ด้ วย

แน่ นอนว่า รายงานชิ้นดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประช าชนทั้งโลก วันนี้จึงควรมาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อ “ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1” หรือ “เชื้อไวรัสไข้หวัดหมู” กัน...

** รู้จักหวัดหมูพันธุ์ใหม่

ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้รายละเอียดว่า ไข้หวัดใหญ่ที่พบในคนตามฤดูกาลส่วนมากจะเป็น สายพันธุ์ H1N1 และ H3N2 ซึ่งมีการกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างค่อยเป ็นค่อยไป จึงทำให้ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ วัคซีนที่ใช้ในการป้องกันทุกปี และต้องมีการฉีดวัคซีนประจำปีที่มีสายพันธุ์ใกล้เคีย งกับเชื้อไวรัสที่จะมี การระบาด ก็จะสามารถป้องกันโรคได้

อย่างเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ก็จัดเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด A ซึ่งระบาดอยู่ในสัตว์ปีก และสามารถติดเชื้อข้ามสายพันธุ์มายังมนุษย์ได้ แต่ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เป็นสายพันธุ์รุนแรงที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ

สำหรับเชื้อไวรัสไข้หวัด หมูนั้น ก็เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด A เช่นกัน พบได้ทั้งในหมูเลี้ยง และหมูป่า ในปัจจุบันที่พบบ่อยรวมทั้งในประเทศไทย จะเป็นสายพันธุ์ H1N1, H1N2 และ H3N2 ซึ่งลักษณะสายพันธุ์ไม่คล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ ในมนุษย์ มีรายงานน้อยมากที่จะข้ามมายังมนุษย์

“ในส่วน การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู ที่พบในประเทศเม็กซิโก และอเมริกานั้น เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ เป็นสายพันธุ์ที่มีชิ้นส่วนของพันธุกรรมเกิดจากการผส มผสานของไข้หวัดหมู ที่เคยมีรายงานในอเมริกา หรือ ยุโรป และเอเชีย รวมทั้งชิ้นส่วนพันธุกรรมของไข้หวัดที่เคยรายงานไว้ใ นอเมริกาเหนือ จึงถือได้ว่าเป็น “ไวรัสสายพันธุ์ใหม่” และเมื่อดูองค์ประกอบเปรียบเทียบกับวัคซีน H1N1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกันไม่ถึง 80% ...บ่งชี้ให้เห็นว่า การป้องกันด้วยวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันก็ไม่น่าจะได้ผ ล อย่างไรก็ตาม ไวรัสดังกล่าวยังคงตอบสนองต่อยาต้านไวรัส ได้แก่ Oseltamivir (Tamiflu) และ Zanamivir แต่สามารถดื้อต่อ ยา Amantadine ได้เช่นกัน” ศ.นพ.ยง ขยายความ

** การแพร่เชื้อ อาการ

กับ คำถามที่ว่าการแพร่เชื้อนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วหากกินหมูจะติดโรคหรือไม่นั้น นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนโดยทั ่วไป คือเชื้อ นั้นจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด หรือติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา

แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้บริโภคทั้งหลายหายกังวลได้เป ลาะหนึ่ง คือ เชื้อนี้ไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมู!!!

สำหรับอาการที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก นอกจากนี้ในบุคคลที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หากติดเชื้อจะทำให้มีอาการที่รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการคล้ายจะเป็นหวัด มีไข้สูง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์ทำการวินิจฉัย รักษา และควบคุมโรคต่อไป

“หาก ป่วยและมีอาการ ควรสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด ประชาชนทั่วไปควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัก ผลไม้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ล้างมือบ่อยๆ” นพ.ปราชญ์ เสริม

** เตรียมพร้อมรับมือโรคพันธุ์ใหม่

ด้าน การเตรียมการ ป้องกันเฝ้าระวังโรคนั้น ได้รับคำยืนยันจาก นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.กระทรวงสาธารณสุข ไปแล้วว่า ในไทยยังไม่พบเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังร ะบาดอยู่ในประเทศ เม็กซิโก แต่ทั้งนี้ก็ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการเฝ้าระวังโรค รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือ ทั้งด้านการตรวจวินิจฉัย การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย การเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ ตลอดจนการเดินทางระหว่างประเทศ โดยประสานงานกับองค์การอนามัยโลกและศูนย์ป้องกันควบค ุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา อย่างใกล้ชิดด้วย

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฎิบัติ การควบคุมโรคอุบัติใหม่กระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำด้วยว่า ได้จัดเตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวังป้องกันของไทยขั้ นสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่คนไทย จะไม่ป่วยจากโรคดังกล่าว ซึ่ง “ขณะนี้โรคนี้ยังไม่มีการระบาดสู่ไทย” แต่ถึงอย่างไรก็ต้องติดตามและประเมินสถานการณ์โรคนี้ อย่างใกล้ชิด ทั้งการป้องกันเฝ้าระวัง ทุกจุดผ่านแดน และความพร้อมของสถานบริการเพื่อการรักษา

** ด่านสกัดตั้งแต่ประตูสู่ประเทศ

นพ. มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับผู้แทนองค์การอนามัยโลก เมื่อคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก ยังไม่ได้ประกาศให้การระบาดของโรคดังกล่าวเป็นภาวะฉุ กเฉินระดับ 4 ซึ่งหมายถึงการระบาดใหญ่ แต่ยังเป็นแค่ระดับ 3 คือ ให้เน้นเรื่องของการเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดในแต่ ละพื้นที่เท่านั้น

ใน ส่วนของประเทศไทยได้สั่งการให้ด่านควบคุมโรคระหว่างป ระเทศ เตรียมพร้อมในการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ “เทอร์โมสแกนเนอร์” บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติโดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุว รรณภูมิ ในจุดที่มีเครื่องบิน หรือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดคือเม็กซ ิโก และบางส่วนของสหรัฐอเมริกา พร้อมแจกเอกสารคำเตือนด้านสาธารณสุข (Health Card) แก่ผู้ที่จะเดินทางเข้าและออกนอกประเทศ ในส่วนของคนไทยได้เตือนให้งดการเดินทางไปประเทศเม็กซ ิโกและบางรัฐของสหรัฐ อเมริกา เช่น แคลิฟอร์เนีย เทกซัส ที่มีการระบาดของโรคในขณะนี้ รวมทั้งให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณ สุขขึ้นที่กรมควบคุมโรค และหากมีความจำเป็นอาจจะต้องเปิดศูนย์ปฏิบัติการในระ ดับกระทรวง เพื่อเป็นวอร์รูมในการติดตาสถานการณ์และเฝ้าระวังการ ระบาดของโรคอย่างใกล้ ชิดต่อไป

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=73598

สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์...ผักผลไม้ช่วยได้

เคย นับดูเล่นๆ ไหมคะว่า วันหนึ่งๆ เราต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละกี่ชั่วโมง เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานหญิงของออฟฟิศแห่งหนึ่งในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน นิยมสวมหน้ากากกันทั่วออฟฟิศ

เพราะต้องนั่งอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 4-5 ชั่วโมง สำหรับคนทำงานอย่างเราๆ ฟังแล้วก็ได้เวลาสังเกตตัวเองว่ามีปัญหาสุขภาพบ้างหร ือเปล่า ลองมาเช็คอาการ พร้อมกับดูอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายกันเลยค่ะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนล้า กล้ามเนื้อเกร็ง ตึง
การรับประทานบร็อกโคลี่ ปลากินทั้งกระดูก เพราะมีแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ป ระสาทและต่อการเกร็ง คลายกล้ามเนื้อ รับประทาน ผักโขม ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี ที่มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว
ควรรับประทาน คะน้า พริก ผักปวยเล้ง มันเทศ ผักหวานบ้าน ตำลึง เพราะมีลูเทอินและซีเซนทิน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของศูนย์จอตา ลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตาได้ นอกจากนี้ควรรับประทาน แครอต ผักปวยเล้ง ฟักทอง เพราะมี เบตาแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตา
มีปัญหาผิวหน้า
หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น มีริ้วรอยเ่ยวย่น และสงสัยเหมือนสาวๆ ที่ประเทศจีนว่า อาจเกิดจากรังสีจากคอมพิวเตอร์ ควรรับประทาน ผักผลไม้สีสดทุกชนิด เพื่อเพิ่มสารต้านออกซิเดชั่น นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารเย็นที่ย่อยง่ายและรสไม่จัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนัก ทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสบายตัว

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=73599

ประโยชน์จากการว่ายน้ำ

ทราบหรือไม่ว่า กีฬาประเภทว่ายน้ำให้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...
- สุขภาพ
สิ่ง ที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อสุขภาพ จะเห็นได้ว่าคนที่ออกกำลังกายมักจะมีภาวะการเสี่ยงที ่จะเกิดโรคต่ำ และมักมีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีซึ่ง แพทย์มักจะแนะนำมาก เพราะจะไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บข้อกล้ามเนื้อและข้อ ต่อต่าง ๆ
- ความปลอดภัย
เพื่อ ความปลอดภัย การเล่นน้ำในแม่น้ำและในทะเล การพายเรือ การตกปลา หากว่ายน้ำ ไม่เป็นก็ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำได้อย่าง สบายใจ สาเหตุจากการจม น้ำจะลดน้อยลง หากว่ายน้ำเป็น
- ความสนุกสนาน
จะได้พบกับความสนุกสนานในการเล่นน้ำ และความตื่นตาตื่นใจ หากสามารถพบเห็นสิ่งต่าง ๆ และธรรมชาติของโลกใต้น้ำ
-รูปร่างดี
การว่ายน้ำทำให้รูปร่างมีสัดส่วนที่ดี กล้ามเนื้อแข็งแรง จะเห็นว่าหลาย ๆ คน นิยมการว่ายน้ำเพื่อให้รูปร่างดี
- ตลอดชีวิตการว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ตลอดชีวิต และเป็นประโยชน์ต่อชีวิต
- ครอบครัว
เป็นศูนย์รวมทางครอบครัวที่จะมารวมกันในการว่ายน้ำเพ ื่อสุขภาพ, ความสนุกสนานเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
- การแข่งขันกีฬา
สามารถพัฒนาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำและเป็นกีฬาที่กำลังได ้รับการนิยมเพิ่มมากขึ้นและมักมีการจัดการแข่งขันเสม อ
- พื้นฐานของกีฬา
เป็นพื้นฐานของกิจกรรมหรือกีฬาต่าง ๆ เช่น โปโลน้ำ กระโดดน้ำ ระบำใต้น้ำ เรือใบและกระดานโต้คลื่น เป็นต้น
- ไม่เป็นสิ่งขัดขวาง
การว่ายน้ำไม่เป็นอุปสรรคทั้งด้าน อายุ เพศ เชื้อชาติ และความสามารถจะเห็นว่ากีฬาคนพิการก็จัดให้มีการแข่ง ขันว่ายน้ำด้วยเช่นกัน
- สดชื่น
การว่ายน้ำสามารถลดความเครียดได้ ทำให้รู้สึกสดชื่น


รู้อย่างนี้แล้ว หันมาออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำกันดีกว่า.

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=56765

เคล็ดลับกำจัด..กลิ่นปาก

เรื่องกลิ่น โดยเฉพาะที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าเกิดที่ไหนย่อมไม่ดีแน่ เดี๋ยวใครต่อใครจะพาลเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นสาวหมักหมม ชอบบ่มเพาะความสกปรกไว้กับตัว อย่ากระนั้นเลย เรามาเริ่มพิชิตกลิ่นปากกันเถอะค่ะ

กลิ่นนี้มีที่มา ถามถึงที่มาของกลิ่น ที่รวยรินออกมาจากปากมากจากคุณหมอ ฟังแล้วต้องตบอกผาง เพราะท่านตอบมาว่า.. นานาสารพันเชียวหนูจ๋า ทั้งกลิ่นจากอาหารที่เรากินเข้าไป, เศษอาหารที่ค้างคาอยู่ตามซอกฟัน, แบคทีเรียในหมากฝรั่ง, การกินอาหารไม่ถูกหลัก (อันนี้พวกสาวไดเอ็ทต้องระวัง), การติดเชื้อทางระบบหายใจ, ระบบย่อยอาหารเกิดอาการผิดปกติ,การ เสื่อมและผุพังของเนื้อฟัน รวมถึงกลิ่นจากการสูบบุหรี่

แต่จะขอบอกไว้ให้รู้กันทั่วว่า ตัวการร้ายอันดับหนึ่ง คือแบคทีเรียไม่รักดี ที่ทั้งเกิดและอาศัยอยู่บนลิ้นของเราๆท่านๆ นั่นเอง

แบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ในปากของทุกคน มีหน้าที่อะไรไม่รู้แน่ แต่ชอบเปลี่ยนตัวเองเป็นสารประกอบซัลเฟอร์ (กำมะถัน) ซึ่งสารประกอบตัวนี้พอมีมากๆเข้าก็จะทำให้เกิดกลิ่นป ากตามมา

ดังนั้น ถ้าไม่นับกรณีของอาการป่วยต่างๆ การที่บางคนมีกลิ่นปาก แต่บางคนไม่มี จึงขึ้นอยู่กับปริมาณของเจ้าแบคทีเรียตัวที่ว่านี่แห ละเป็นสำคัญ

กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก

อย่างที่บอกไว้ว่า กลิ่นปากเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนลิ้น จึงไม่มีทางกำจัดมันออกไปได้ (นอกจากจะตัดลิ้นทิ้ง) แต่เราก็ยังมีวิธีที่จะช่วย ไม่ให้เจ้าตัวร้ายก่อการได้สะดวกโยธินนัก ดังนี้ค่ะ
อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในปากจะเพิ ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
ดื่มน้ำมากๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย
แปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร และอย่าลืมแปรงด้านบนของลิ้น อันเป็นที่เกิดของแบคทีเรียด้วย 4.ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2-3 ครั้ง
ถ้าไม่สะดวกจะแปรงฟัน ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก
เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล
เคี้ยวใบผักชีฝรั่งหรือกานพลูหลังมื้ออาหาร
งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม,หอมใหญ่,พริกไทย และชีส
หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
กินอาหารให้ครบหมู่ แม้ว่าคุณจะกำลังลดความอ้วนอยู่ก็ตาม
เลิกสูบบุหรี่
ตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=58638

ทานวิตามินเกินขนาดอาจมีโทษ

การทานวิตามินมีประโยชน์ต่อร่ายกาย แต่ถ้าทานเยอะเกินไปอาจมีโทษต่อร่างกาย วันนี้เดลินิวส์มีเรื่องนี้มาฝาก...

วิตามินโดยทั่วไป หากทานมากเกินไป ไม่มีอันตราย ร่างกายจะขับออก แต่มีวิตามินบางชนิด หากได้รับมาก จะต้องได้รับสารอื่น เช่น หากได้วิตามิน C มากต้องได้แร่ทองแดง ดังนั้น ไม่ควรทานเกินกว่ากำหนด ตัวอย่าง วิตามิน A หากได้มากกว่า 25000 IU จะทำให้ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผิวแห้ง คันและผมร่วง หากได้มาก ตับม้ามจะโต ปวดกระดูก
ส่วนวิตามิน D หากได้มากเกิน 50000 IU จะทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ท้องร่วง น้ำหนักลดและมีพิษต่อตับ และวิตามิน C โดยทั่วไปไม่มีพิษ แต่หากได้เกิน 1 กรัมจะทำให้เกิดคลื่นไส้ ท้องร่วง ตะคริวและเกิดนิ่วที่ไตธาตุเหล็ก หากได้รับขนาดสูง จะระคายกระเพาะและท้องผูก

รู้อย่างนี้แล้ว ควรทานวิตามินแค่พอประมาณจะดีกว่า เพื่อร่ายกายที่แข็งแรง.

เปลือกส้มเปลือกมะนาว ช่วยให้ครัวหอม

ทราบหรือไม่เปลือกส้มเปลือกมะนาว สามารถช่วยทำให้ครัวหอมได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว กลิ่นของอาหารมักจะยังคงติดอยู่ตามผนัง และที่ต่าง ๆ ในครัว

วิธีแก้ไข คือ

นำเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวไปอบในเตาไฟอ่อนประมาณ 200-300 องศาฟาเรนไฮต์ นาน 4 นาที แล้วเปิดเตาอบออกให้กลิ่นหอมของส้มหรือมะนาวกระจายไป ทั่วครัว วิธีนี้นอกจากทำให้ครัวหอมสดชื่นแล้ว ยังช่วยไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ ได้อีกด้วย (หากไม่มีเตาอบนำเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวไปคั่วในกร ะทะด้วยไฟอ่อนๆ ก็ได้)

ถ้าอยากให้ห้องครัวมีกลิ่นหอม ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=52542

ประโยชน์ของใบแปะก๊วย

ทราบหรือไม่ว่า ใบแปะก๊วย มีประโยชน์หลากหลาย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก...
สารในใบแปะก๊วย
มีคุณค่าในการรักษาโรคบางอย่าง โดยจะนำมาใช้ในการควบคุมการไหลเวียนของโลหิต และหลอดเลือด ให้เป็นปกติ ทั้งช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง มือ และเท้า นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคหอบหืด หลอดลม อักเสบหรือตีบ โรคต้อหิน อาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน และภาวะหมดประจำเดือน

ใบแปะก๊วยสกัดมีสารประกอบที่มีหน้าที่เสมือนตัวจับอน ุมูลอิสระหรือเป็นแอนตี้ออกซิเดนท์ (Antioxidant) ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการทำลายจากอนุมูลอิสระ ช่วยบรรเทาโรคและลดภาวะต่าง ๆ ที่มักจะพบ ในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น โรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล โรคหลงลืมในผู้สูงอายุ หน้ามืดวิงเวียนและหูอื้อ สับสน มึนงง เหนื่อยล้า ปวดหัว เป็นต้น

ใบแปะก๊วย สามารถหาซื้อได้ง่าย เพราะมีขายตามท้องตลาดในรูปแบบที่หลากหลายไม่ว่าจะขา ยใบอบตากแห้ง หรือขายเป็นสารสกัดจากใบในรูปไฟโตโซม ( Phytosome) หรือชาแปะก๊วยที่ชงจากใบอบหรือตากแห้ง โดยมีสรรพคุณลดความเครียดและเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วย
ถ้าใครไม่อยากเครียดและไม่อยากขี้หลงขี้ลืม ก็ลองหาใบแปะก๊วยมาทานกัน.

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=60133


กินเนื้อ ... ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ จริงไหม ?



เนื้อสัตว์เป็นโปรตีนชนิดสมบูรณ์ ด้วยมีกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้ ทั้งนี้ หลายคนเลิกกินเนื้อ เพราะเชื่อว่าไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีข้อสังเกตและข้อแนะนำดังนี้...

- การกินเนื้อสัตว์มากๆ ไม่เป็นผลดีต่อระบบหัวใจ
กินเนื้อสัตว์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะกินให้ได้สุขภาพต้องมีกฎเกณฑ์ ต้องดูก่อนว่าเป็นเนื้อสัตว์ประเภทใด ส่วนไหน กินปริมาณมากน้อยแค่ไหนและผ่านกรรมวิธีปรุงอย่างไร เพราะเนื้อสัตว์แต่ละชนิดมีปริมาณไขมันอิ่มตัวที่ก่อ ให้เกิดคอเลสเตอรอลแตกต่างกัน
โดยเฉพาะเนื้อส่วนที่มีไขมันติดเห็นได้ชัดเจนหรือเนื ้อสัตว์สับที่มักมีไขมันแฝง
ยิ่งถ้ากินตามใจปาก แถมปรุงรสเค็มจัดหรือหวานเด่นด้วยการผัดและทอดในน้ำ มันชุ่มด้วยแล้ว ร่างกายย่อมเสี่ยงต่อระดับ "ไตรกลีเซอไรด์" และ "คอเลสเตอรอล" ตัวร้ายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไขมันสะสมในผนังหลอดเลือดแดง และเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและ เส้นเลือดสมองในที่สุด

- กินเนื้อสัตว์เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้โรคมะเร็งลำไส้เกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ท้องผูกเรื้อรัง สภาวะมลพิษหรือสภาพแวดล้อมรอบตัว และพฤติกรรมการดำเนินชีวิต อาทิ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จัด กินอาหารกากใยน้อย
นักวิชาการทั่วโลกต่างแสดงความเห็นหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่พบว่า การกินเนื้อหมูหรือเนื้อวัว ในปริมาณมากเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้พอๆ กับการกินเนื้อสัตว์อื่น หรืออาหารทะเลที่ผ่านการปิ้งย่างหรือแม้แต่การทอดในน ้ำมันร้อนๆ จนเกรียมกรอบ

นั่นเพราะเมื่อถูกความร้อนโปรตีนจากเนื้อสัตว์หรืออา หารทะเลจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งที่เราเรียกว่า "เฮทเทอโรไซคลิก เอมีน" (heterocyclic amines; HCAs) และสาร "โพลีไซคลิก อะโรเมติก ไฮโดรคาร์บอน" (polycyclic aromatic hydrocarbons; PAHs) ที่สามารถทำลายสารพันธุกรรมดีเอ็นเอที่อยู่ในเซลล์ร่ างกายและเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็งในที่สุด

ข้อแนะนำสำหรับคนชอบอาหารประเภทปิ้งๆ ย่างๆ จนสุกและไหม้เกรียม ต้องกินในปริมาณน้อยและตัดส่วนที่ไหม้เกรียมทิ้งเพื่ อลดการเสี่ยง และที่สำคัญพยายามกินผักและผลไม้ให้ได้ครบในมื้ออาหา ร
นอกจากนี้ ต้องระวังการกินเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูปและมีไขมั นปนมาก เนื่องจากมีไนเตรตสูงที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งลำไส้เช ่นกัน

- กินเนื้อสัตว์ทำให้เสี่ยงเป็นเกาต์
มีส่วนจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่กินเนื้อสัตว์จะเสี่ยงเ ป็นโรคเกาต์มากกว่าคนที่กินมังสวิรัติ นั่นเพราะเกาต์จัดอยู่ในโรคข้ออักเสบอันเกิดจากความผ ิดปกติของการสันดาปของสารพิวรีนที่มีอยู่ตามเนื้อเยื ่อต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลทำให้เลือดมีกรดยูริกสูง และร่างกายขับออกไม่หมดจนตก ผลึกสะสมที่กระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อรอบข้อ
ทำให้ข้ออักเสบ ปวดและบวมในที่สุด

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=69844

วิธีล้างองุ่นให้ปลอดภัย

วิธี ล้างองุ่นให้ปลอดภัย เชื่อว่าเราๆ ท่านๆ คงเคยทานองุ่น ปกติมักจะมีคราบ เหมือนยาง เป็นฝ้าขาวๆ ที่ ผลองุ่น ล้างยังไงก็ไม่ออก ใช่มั้ยคะ บางครั้งก็ถือว่านานๆ ทานที ก็เลยตามเลย ซึ่งก็ไม่ ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะไม่รู้ว่าไอ้คราบๆ ที่ติดผลองุ่นอยู่มันคือ สารอะไรตกค้างรึเปล่า...เท้าความซะยืดยาว แค่จะบอกว่าตอนนี้รู้วิธีล้างองุ่นให้ สะอาด มั่นใจ ที่จะรับประทานแล้วล่ะ


1. เด็ดผลองุ่นออกจากพวงเพื่อจะได้ง่ายในการล้าง
2. ใส่ภาชนะ
3. บีบยาสีฟัน (อะไรก็ได้) พอสมควร แล้วขยี้ให้ทั่วมือ
4. ใส่น้ำพอสมควร แล้วลงมือล้าง
5. ล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วสะเด็ดน้ำ ขอบคุณที่มาจาก

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=70157

การล้างผักสดให้ปลอดภัย

การ บริโภคผักสดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ควรระมัดระวังว่าผักสดอาจมีสารพิษตกค้างได้ วันนี้มีวิธีล้างผักสดให้ปลอดภัยมาบอก...


1. ปอกเปลือกหรือลอกเปลือกชั้นนอกของผักสดออก แกะเป็นกลีบ หรือแกะใบออกจากต้น

2. ล้างผักสดด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และคลี่ถูใบ หรือล้างด้วยการใช้น้ำก็อกไหลผ่าน ผักสดนานอย่างน้อย 2 นาที หรือใช้สารละลายในการล้าง ดังนี้

- ใช้น้ำยาล้างผัก (ตามวิธีที่ผู้ผลิตแนะนำ) หรือ

- ใช้น้ำคลอรีน (ผงปูนคลอรีน ครึ่งช้อนชา ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ

- ใช้น้ำเกลือ (เกลือ 2 ช้อนโต๊ะพูน ต่อน้ำ 4 ลิตร) หรือ

- ใช้น้ำโซดา (โซเดียมไปคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร) หรือ

-ใช้น้ำส้มสายชู (น้ำส้มสายชู ครึ่งถ้วย ต่อน้ำ 4 ลิตร)

ให้เลือกวิธีที่สะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจึงนำผักสดมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
ก็สามารถลดหรือขจัดสารพิษออกจากผักสดได้


ใครที่อยากบริโภคผักสด สะอาดและปลอดภัย ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=73732

ยืนยันควันบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งเต้านม

หลักฐานดังกล่าวระบุว่า สตรีที่เคยสัมผัสโดนควันบุหรี่ในช่วงวัยรุ่น หรือ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ประมาณมากถึง ร้อยละ 80-90 ล้วนแต่เสี่ยงกับอันตรายของมะเร็งเต้านม

กลุ่มนักวิจัยผู้ทรงคุณวุฒิระหว่างประเทศกล่าวแจ้งว่ า พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สิ้นสุดโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ควันหลงของบุหรี่มีส่วนเกี่ยวพันกับการทำให้เป็นมะเร ็งเต้านม

ประธานคณะนักวิจัย นายเนียล ดคอลลิชอ ได้กล่าวในรายงานผลการศึกษาว่า ได้พบหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ ในอันตรายของการสูบบุหรี่และควันหลงของบุหรี่ที่มีต่ อมะเร็งเต้านม

"แม้จะมีหลักฐานของความเกี่ยวพันระหว่างควันบุหรี่กับ มะเร็งเต้านมเป็น ปริมาณมาก มากระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่มันก็ยังไม่เด็ดขาด จนกระทั่งคณะผู้ทรงคุณวุฒิได้มาวิเคราะห์หลักฐานที่ห าได้ ทั้งหมดอย่างถ้วนถี่ โดยเฉพาะหลักฐานล่าสุด ทำให้ เราสรุปได้ว่า หลักฐานของอันตรายเรื่องนี้เชื่อได้"

"สตรีที่เคยสัมผัสโดนควันบุหรี่ในช่วงวัยรุ่นหรือเมื่ อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ประมาณมากถึง ร้อยละ 80-90 ล้วนแต่เสี่ยงกับอันตรายของมะเร็งเต้านมยิ่งขึ้น"

กลุ่มคณะนักวิจัยยังได้กล่าวว่า ในช่วงระยะหลายปีมานี้ ได้มีการศึกษาหาความข้องเกี่ยวของควันบุหรี่ กับมะเร็งเต้านมในสตรี ขึ้นมากมายหลายเรื่อง

http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=72252

ตรวจโรคต่างๆ นานาด้วยตัวเอง (อ.ส.ม.ท)

นอกจากการคลำหน้าอกหามะเร็งเต้านมแล้ว ยังมีอีกหลายจุดในร่างกาย ที่เราสามารถตรวจโรคต่างๆ นานาด้วยตัวเอง

ลิ้น ให้แลบลิ้นมาจนสุด ถ้ามีจุดสีขาว สีเหลือง หรือสีส้ม กระจายอยู่ทั่วลิ้น นั่นแปลว่าคุณอาจมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไปแล้ว และอาจกำลังจะเป็นกรดไหลย้อน ทีนี้มื้อต่อๆ ไปก็แค่กินรสเผ็ดให้น้อยลงหน่อย หรือไม่ก็ลองกินยาลดกรดแต่ปรึกษาหมดก่อนก็ดีนะ

รักแร้ เมื่อไหร่ที่ผิวน้องจั๊กกะแร้เริ่มสากและดำขึ้นโดยไม ่มีสาเหตุ เป็นไปได้ว่าคุณมีฮอร์โมนอินซูลินในเลือดมากเกินไป และนั่นคืออาการของโรคเบาหวาน ให้รีบไปตรวจเลือดดู จะได้รู้ว่าตกลงเราเป็นเบาหวานหรือใช้โรลออนมากไป

หนังศีรษะ ถ้า คุณไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมเลย แต่ก็ยังเจอผมร่วงเยอะ จนผมเริ่มบางผิดปกตินั่นอาจเป็นผลของต่อมไทรอยด์ผิดป กติ รีบไปปรึกษาหมอ เพื่อวัดระดับการทำงานของต่อมไทรอยด์ ถ้ามีอะไรผิดปกติจะได้รีบรักษา

ขนหน้าท้อง ถ้าจู่ๆ ขนอ่อนๆ ที่ท้องน้อยที่เคยบางๆ พอเซ็กซี่ กลับเส้นหนา หรือ ดกขึ้น นี่คือสัญญาณหนึ่งของโรค Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) หรือ การมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นขนเลยดกและหนาขึ้นนั้ นเอง รีบไปหาหมอสูตินารีแพทย์ของคุณ

ตา ไม่ได้อดนอนแต่ใต้ตาดำปิ๊ดเป็นหมีแพนด้า คุณอาจจะกำลังเป็นภูมิแพ้อยู่ก็ได้ เพราะเวลาร่างกายเราเปิดรับสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ ้ จะเกิดปฏิกิริยาปล่อฮิสตามีน และที่อาการปรากฏให้เห็นได้ชัดก็คือ เกิดเป็นรอยคล้ำๆ ในบริเวณที่ผิวบางที่สุด ก็คือผิวใต้ดวงตานั้นเอง

http://hilight.kapook.com/view/36298

วิธีดีๆ หลีกเลี่ยง ฝ้า (สยามดารา)

ฝ้า เป็นความผิดปกติของสีผิวบนใบหน้า ส่วนใหญ่พบที่บริเวณโหนกแก้ม เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดสีมากเกินไป สีผิวบริเวณนั้นจึงเข้มกว่าบริเวณอื่น ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีอย่างผิดปกตินี้มีหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ยาคุมกำเนิด ภาวะการตั้งครรภ์ ความเครียด ความร้อน และปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือแสงแดด วิธีป้องกันการเกิดฝ้า คือหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้เช่น

1. หลีกเลี่ยงแสงแดด ด้วยการไม่ออกไปอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลา 9.00-16.00 น. หากเลี่ยงไม่ได้ ควรแต่งกายให้มิดชิดเพื่อปกป้องผิวหนังไม่ให้ถูกแสงแดด หรือ ใช้เครื่องสำอางผสมสารป้องกันแสงแดดช่วยก็ได้

2. สังเกตว่ามีฝ้าเกิดขึ้นหลังการใช้ยาใดบ้าง เช่น ยาประเภทฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือยาคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจเป็นอาการข้างเคียงจากการ ใช้ยานั้นก็ได้

3. รักษาสุขภาพกาย และสุขภาพจิตให้ดี ไม่เคร่งเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงมลภาวะต่างๆ

4. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่า แก้สิว แก้ฝ้า หน้าขาวภายใน 7 วัน รับรองหาย ขาดและไม่เป็นอีก เพราะเครื่องสำอางไม่อาจมีสรรพคุณเช่นนั้นได้ มีแนวโน้มว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย ห้ามซื้อ ห้ามขายเพราะมีอันตราย ครีมที่อ้างว่าลอกฝ้าได้นั้นเป็น การโอ้อวดเกินความจริง เพราะฝ้าเป็นความผิดปกติของเม็ดสีที่มีมากเกินไป ซึ่งอยู่ที่ผิวหนัง ชั้นในของใบหน้า ไม่สามารถจะลอกออกมาได้ ปัญหานี้อาจบรรเทาลงด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ลดความเข้มของสีผิวในบริเวณที่เป็นฝ้า การใช้ผลิตภัณฑ์ทาฝ้ามักจะต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จนกว่าฝ้าจะจางลง และเมื่อหยุดใช้ฝ้ามักจะกลับเป็นอีก การใช้ผลิตภัณฑ์ทาฝ้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

วิธีป้องกันการเกิดฝ้าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่า ทั้งนี้สารที่เคยใช้ในเครื่องสำอางทาฝ้าแล้วช่วยให้ฝ้าจางลงได้นั้นมีหลายชนิด แต่เป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว ได้แก่

ปรอทแอมโมเนีย เมื่อใช้ทาฝ้านานๆ จะทำให้แพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดการสะสมของสารปรอทในร่างกาย ไปมีผลให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ไตอักเสบได้

ไฮโดรควินิน ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง เกิดเป็นจุดด่างขาวที่หน้า หรือผิวหน้าดำคล้ำเป็น ฝ้าถาวร รักษาไม่หาย ปัจจุบันสารทั้งสองชนิดนี้ถูกจัดให้เป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เนื่องจากอันตรายมากมายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

http://hilight.kapook.com/view/36297

ประโยชน์ของพริก และการกินเผ็ด (Lisa)

จากแหล่งข่าวทางโภชนาการกล่าวว่า พริก เป็นพืชที่มีประโยชน์จริงๆ ไม่ว่าความเผ็ดของพริกที่มาจากสาร "แคป ไซซิน" แล้วในเม็ดพริกยังมีวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียมและธาตุเหล็กอีกด้วย พริกจากเดิมที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ เดินทางมาสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นโดยชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำเข้ามา

ว่ากันว่าพริกเม็ดจิ๋วที่มีรสเผ็ดจ๊ากนั้น มีประโยชน์หลากหลายเสียด้วย ไม่เพียงแค่ให้ความเผ็ดอย่างไร้สาระ พริกยังช่วยเพิ่มสารแห่งความสุข "เอ็นโดร ฟิน" ให้ผู้ที่ชอบกินเผ็ด พริกยังบรรเทาอาการเจ็บปวด บรรเทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ขณะเดียวกันยังช่วยละลายเสมหะที่เหนียวข้นให้จางลง ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยหอบหืด กินพริกแล้วจะดีมาก เพราะจะช่วยทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หดเกร็ง ดังนั้นคนที่เป็นหอบหืด ภูมิแพ้ กินพริกจะดีเจ้าค่ะ

พริกยังลดปริมาณคอเรสเตอรอลได้ด้วย นั้นแน่เริ่มสนละสิ!! จากงานวิจัยนั้นพบว่า พริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยในการเผาผลาญ จึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก การกินพริกไม่ทำให้รู้สึกอยากความหวาน พริกยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

นอกจากนี้ พริกยังถูกนำมาทำเป็นเจลใช้ทารักษาผิวหนังอักเสบ เข่าอักเสบ แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว เริม หรืองูสวัดอีกด้วย

Science teacher

Ajitti319 - Architecture

[ Hell On Earth ] By Metto...

อรรครินทร์ อรรคบุตร

กัลยาณี มหามาตร

Wongsakorn

thitima ketkaew

EmpTy.NooNZa

Malivan

ookapikoo

มะตูม

คนของความคิดถึง

sukanya-sukumal

JAMBIOTECH

FONULTRA

MeePOoh

suparada

ployniiz

neno

marchmero

momokojung

wasna

cake

kumlai

NT~L~PK

♥NamfoN♥

Mr.Sompong

poom

"

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

แนะนำตัวเอง

ชื่อนางสาวชลธิชา เฉลิมแสน
MissChonticha Chalermsan
ชื่อเล่น แพท
เกิดวันที่ 19 กุมภาพันธุ์ 2532
หมู่เลือด บี
ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ 90 หมู่ 6 ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ 46130
การศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะการบัญชีและการจัดการ
สาขาเศษฐศาสตร์ธุรกิจ
รหัสนิสิต 51010915029
วิชาที่สนใจเศฐษศาสตร์
ความสนใจในการทำงานในอนาคต พนักงานธนาคาร